วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

การเลือกสรรดอกไม้ให้โดนใจ



            ดอกไม้ที่เราได้ซื้อมาใช้กันนั้นจะตัดจากต้นในเวลาเช้า และนำมาแช่น้ำให้อิ่มตัว บางชนิดจะต้องเพิ่มความยืดหยุ่นขณะขนส่ง โดยการทำให้สลดลง หลังจากนั้นจะนำมามัดรวมเป็นกำหุ้มห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติก และสุดท้ายคือการนำจัดส่งตลาดเพื่อกระจายสู่ร้านค้าย่อยต่อไป

            จะเห็นได้ว่ากว่าดอกไม้จะมาถึงมือของผู้จัดจริงๆนั้น จะผ่านมาหลายขั้นตอนจึงมักจะเกิดความบอบช้ำ ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงสภาพดอกไม้ว่าถ้าเราต้องการซื้อดอกไม้เราจะต้องสังเกตจากอะไรบ้าง    




อย่างแรก

             ก้าน จะต้องไม่เน่า โดยก้านจะต้องไม่ผ่านการแช่น้ำ มาเป็นเวลานานจนกระทั่งมีกลิ่นเหม็น
เพราะก้านมีความสำคัณฃญที่จะช่วยให้ดอกไม้ที่เราเลือกยังดูสด และชูช่อสวยงาม

             ใบ จะต้องไม่เหี่ยวช้ำและเน่า จะต้องมีความแข็งแรงตามสภาพของใบไม้ชนิดนั้นๆ

             กระเปาะดอก จะต้องไม่ลีบและแห้ง เมื่อใช้มือบีบดูจะรู้สึกว่ากระเปาะจะแข็ง

            กลีบดอก จะต้องไม่ช้ำ ไม่เหี่ยว และเน่า  ดอกไม้ที่จะแบ่งบานสวยงามนั้น กลีบดอกที่มีสีสันสวยงาม เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างยิ่ง

        ****     โดยทั่วไปดอกไม้ที่เราจะเลือกซื้อนั้นจะต้องเลือกที่ความสดให้มากที่สุด

             ฉะนั้นจะต้องมีความรู้สึกและความเข้าใจในสภาพของดอกไม้แต่ละชนิด ซึ่งย่อมจะต้องมีความแตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นควรดูเหตุผลอื่นๆ มาใช้เป็นองค์ประกอบในการเลือกซื้อด้วย เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ แหล่งเพาะปลูก และความเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน เป็นต้น



วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

จำนวนกุหลาบกับความหมาย

จำนวนดอกกุหลาบบอกความหมายอย่างไร ?

1...รักแรกพบ
2...แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3...ฉันรักเธอ
7...คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9...เราสองคนรักกันตลอดไป
10...คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11...คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12...ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13...เพื่อนแท้เสมอ
15...ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20...ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21...ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36...ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40...ความรักของฉันเป็นรักแท้
99...ฉันรักเธอจนวันตาย
100...ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101...ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108...คุณจะแต่งงามกับฉันไหม
999...ฉันรักคุณจนวินาทีสุดท้าย


ไม่จะได้ผลจริงหรือเปล่า คุณควรที่จะลองนำกุหลาบ ไปมอบให้กับคนที่คุณรัก ตามจำนวนและความหมายที่ใจ ของคุณต้องการจะสื่อให้เขาได้รับรู้ ได้ผลเป็นอย่างไร ก้ออย่าลืมแชร์เรื่องราว หรือประสบการกันลองดูนะค่ะ

การดูแลกุหลาบ

กุหลาบต้องได้รับดูแลอย่างสม่ำเสมอบ ถึงจะออกดอกได้ตลอดและต่อเนื่อง
เรียกต้องดูกันแทบทุกวันเลยทีเดียวแล้วเราต้องดูแลอะไรกันบ้าง

1. รดน้ำทุกเช้า บางตำราก็บอกว่าให้ลองเอาไม้จิ้มที่ดินในกระถางดู ถ้ายังชื้นอยู่ก็ไม่ต้องรด ยกเว้นหน้าฝนก็ค่อยว่ากันอีกที แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ดินในกระถางต้องชื้นอยู่เสมอ ไม่งั้นต้นกุหลาบจะมีอาการที่เรียกว่าขาดน้ำ คือ ใบเหลือง ดอกเล็กแกน เพราะฉนั้นการคลุมดินก็เป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยรักษาความชื้นได้มาก 

2. หลังจากรดน้ำแล้วเดินสำรวจ เด็ดใบที่แห้ง หรือเหลืองออกจากต้น รวมทั้งเคลียใบที่ร่วงทิ้งให้หมด ให้กระถางสะอาด เพราะจะได้ไม่มีแหล่งสะสมโรคกุหลาบ 

3.ตัดดอกที่เริ่มเหี่ยวทิ้ง ไม่ต้องรอให้แห้ง การที่เราตัดดอกบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ตาใหม่แตกมาเรื่อยๆ การตัดดอกก็ให้นับจากดอกลงมา 5 ใบ แล้วตัด เป็นการตัดสูง หรือถ้าตัดต่ำก็ตัดใต้รอยตัดคราวที่แล้วแค่นั้น ก็เพราะตำแหน่งที่บอก ตาใหม่จะแตกได้เร็วและสมบูรณ์ดี เมื่อตาสมบูรณ์ ก็จะเป็นกิ้งที่แข็งแรง และดอกก็จะอวบอัดตามไปด้วย 

4. ในช่วงที่ตัดแต่งก็จะ สั่งเกตโรค แมลงไปด้วยเลย 
 
5. ทุกครั้งที่กุหลาบแตกยอดอ่อนๆ ออกมาควรฉีดยากันเพลี้ยเฉพาะตรงยอดที่แตกออกมา เพราะพวกเพลี้ยไฟมักจะชอบยอดอ่อนๆ แต่ไม่ต้องฉีดเยอะ เพราะยังไงเราก็ต้องฉีดครั้งใหญ่อยู่แล้วประมาณเดือนละครั้งอย่างน้อย 

6. ยากระตุ้นการแตกตา และบำรุงใบอยู่หนึ่งตัวซึ่งจะฉีดพ่นทุกสัปดาห์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ยาตัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้กุหลาบแตกตาเร็วขึ้น โดยเฉพาะตาที่จะเป็นกิ่งกระโดงในอนาคต 

7. ใส่ปุ๋ยเม็ดสูตรบำรุงใบ สัปดาห์ละครั้งเช่นกัน ควรทำพร้อมกันกับ ข้อ 6 เลย ปุ๋ยที่ใช้ใส่แค่กระถางละไม่เกิน 10 เม็ด ใส่มากเดี๋ยวใบไหม้ 

8. ใส่ฟูราดานทุกเดือน กันหนอนมากินใบ โดยเฉพาะพวกหนอนผีเสื้อ
 
9. ประมาณ 1 เดือน ก้อควรจะตัดแต่งกิ่งครั้งใหญ่ 1 ครั้ง จะตัดกิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่รกรุงรังออกให้ต้นโปร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประมาณให้แดดส่องลงมาถึงดินได้เลย เพราะแสดงแดดจะช่วยกระตุ้นให้กิ่งกระโดงที่โคนต้นแตกขึ้นมา

ประเภทของกุหลาบ

ประเภทของกุหลาบ

กุหลาบเป็นพืชในวงศ์ Rosaceae
มีชื่อสกุลว่า Rosa ชื่อสกุลนี้เป็นภาษาละตินพืชในสกุล Rosa มีอยู่ประมาณ125 ชนิด
ประมาณ 95 ชนิดมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียอีก 18 ชนิดมีถิ่นกำเนิดอยู่ในสหรัฐอเมริกา
กุหลาบเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดต้นสูงตั้งแต่ 10 เซนติเมตร จนสูงเป็นเมตรตามธรรมชาติกุหลาบเป็นไม้ผลัดใบตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนาม ปกคลุมทั่วไปมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไปในแต่ละพันธุ์
การจำแนกประเภทของกุหลาบแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ

1. Hybrid Tea

กุหลาบประเภทนี้เป็นกุหลาบที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันดี เป็นกุหลาบที่มีดอกขนาดใหญ่ที่สุดก้านช่อดอกยาว ปกติแล้วในแต่ละก้านจะมีเพียง 1 ดอก เป็นกุหลาบที่มีกลิ่นหอม ลักษณะทั่วไปของดอก Hybird Tea ก็คือ เป็นกุหลาบดอกใหญ่ มีรูปทรงดอกสวย มีการออกดอกอย่างต่อเนื่องต้นมีขนาดใหญ่ แข็งแรง ต้นจะสูงประมาณ 75-150 เซนติเมตร หรือมากกว่านี้ มีก้านดอกยาว จึงเหมาะสำหรับทำไม้ตัดดอก มีสีเกือบทุกสี ยกเว้นสีน้ำเงิน ดอกมักมีกลิ่นหอม ส่วนมากปลูกเป็นไม้ดอกประดับบ้านเรือนและสวน


2.Floribunda

เป็นกุหลาบที่นักผสมไม้ปรับปรุงพันธุ์ให้กุหลาบนี้ออกดอกหลายดอกในหนึ่งช่อกุหลาบประเภทFloribunda นี้ได้จากการผสมกุหลาบ Polyantha ซึ่งมีดอกเป็นช่อกับกุหลาบประเภท Hybrid Tea ทำให้ลูกผสมที่ได้ หรือกุหลาบประเภท Florbunda นี้มีขนาดใหญ่กว่ากุหลาบประเภท Polyanthaจะมีรูปร่างคล้ายกับกุหลาบประเภท Hybrid Tea มักจะมีทรงพุ่มเตี้ย ดอกเป็นช่อ และบานพร้อมกัน กุหลาบประเภทจึงปลูกเป็นไม้ประดับแปลง


3. Grandiflora

เป็นกุหลาบที่พัฒนามาจากกุหลาบ Floribunda อีกทีหนึ่ง กุหลาบประเภทนี้จะออกดอกเป็นช่อคล้ายกุหลาบประเภท Floribunda แต่ดอกมีขนาดใหญ่กว่าและรูปดอกนั้นมีลักษณะคล้ายกับกุหลาบประเภท Hybrid Tea มาก กุหลาบประเภทนี้มีพุ่มขนาดใหญ่ ดอกมีขนาดปานกลาง บางพันธุ์ก็ตรงข้ามกัน คือมีดอกจำนวนน้อย ก้านช่อดอกยาวปานกลางกุหลาบประเภท Grandiflora นี้มีทรงต้นสูง จึงนิยมปลูกเป็นฉากหลัง


4. Miniature

กุหลาบประเภทนี้เรียกว่า กุหลาบหนู กุหลาบประเภทนี้เป็นที่นิยมเมื่อ 20-30 ปีมานี้เองกุหลาบหนูเป็นลูกผสมของกุหลาบประเภท Polyantha กับกุหลาบประเภท Floribunda กับกุหลาบป่าบางชนิด กุหลาบหนูจะมีต้นและใบขนาดเล็ก เป็นกุหลาบประเภทใหม่ ที่มีกำเนิดมาประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว เป็นกุหลาบที่ย่อส่วนลงมา จึงเหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถาง นิยมปลูกเป็นไม้ตามแนวรั้ว และเป็นไม้ประดับแปลง ไม่มีใครรู้ว่ากุหลาบหนูเกิดเมื่อใด และมีต้นต่อมาจากไหน แต่ส่วนใหญ่ในอเมริกานั้น นิยมปลูกประดับบ้าน ริมรั้วเตี้ยๆเป็นพันธุ์ที่แข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า บางครั้งก็จะตัดดอกมาปักแจกันเล็กๆ วางบนโต๊ะทำงาน


5. Climber

กุหลาบประเภทนี้คนไทยเรียกว่า กุหลาบเลื้อย กุหลาบเลื้อย บางพันธุ์นั้นได้มาจากการผสมพันธุ์ขึ้นมา บางพันธุ์ก็เกิดจากการกลายพันธุ์ของกุหลาบ ซึ่งกุหลาบที่กลายพันธุ์นี้จะมีรูปทรง ดอกต่างๆ เหมือนกุหลาบพันธุ์เดิม แต่จะมีลำต้นเลื้อยกุหลาบเลื้อยนี้จะนิยมปลูกตามรั้วบ้าน ปลูกเกาะต้นไม้ หรือปลูกให้เลื้อยไปตามโครงที่สร้างขึ้น



การขยายพันธุ์



การขยายพันธุ์

ในการขยายพันธุ์กุหลาบเราสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตัดชำ การติดตา การตอนกิ่ง และการเพาะเมล็ด บางครั้งเพื่อให้ได้ต้นกุหลาบที่มีรากแข็งแรง และให้ผลผลิตสูงเกษตรกรมักนิยมกุหลาบพันธุ์ดีที่ติดตาบนตอกุหลาบป่า


การตอนกิ่ง

วิธีนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะทำได้ง่ายและเห็นผลเร็ว กิ่งที่เลือกต้องเป็นกิ่งที่สมบูรณ์ ไม่มีโรคหรือแมลงทำลาย ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป คือสีเปลือกเขียวเข้มจนถึงน้ำตาลอ่อน เปลือกล่อนออกจากกิ่งได้ง่าย วิธีตอนที่นิยมทำคือ การตอนแบบหุ้มกิ่ง โดยใช้มีดคมๆ ควั่นเปลือกรอบกิ่ง 2 รอย ห่างกันประมาณ 2.5-3 ซม. ให้รอยควั่นด้านบนอยู่ใต้ตาเล็กน้อย กรีดตามยาวและลอกเอาเปลือกออก แล้วใช้สันมีดขูดเมือก ออกให้หมด จากนั้นนำขุยมะพร้าวที่แช่น้ำจนอิ่มตัวหุ้มตรงรอยควั่น นำถุงพลาสติกมาหุ้มทับอีกที แล้วมัดด้วยเชือกที่หัวท้ายให้แน่น กิ่งตอนจะเริ่มออกรากในเวลา 2-3 สัปดาห์




         การติดตา

              นิยมติดตาพันธุ์ดีบนต้นตอกุหลาบป่า ได้แก่ Rosa multiflora หรือ R.indical (R. chinensis) ซึ่งมี ความแข็งแรงและทนทาน ก่อนทำการติดตาต้องเตรียมต้นตอและเลือกตาพันธุ์ดีที่จะนำมาติด ควรเลือกต้นกุหลาบป่าที่กำลังเจริญเติบโต เปลือกล่อนจากเนื้อ  ตาที่ใช้ควรเป็นตาจากกิ่งที่ดอกเริ่มเหี่ยวประมาณ ตาที่ 3-4 นับจากตาแรกที่อยู่ใกล้ดอกลงมาหรือเลือกจากกิ่งที่สมบูรณ์เต็มที่  โดยเลือกเอาตาที่นูนเด่นชัด วิธีการที่นิยมทำคือ การติดตาแบบตัวที (T-budding) โดยกรีดต้นตอตามทางยาวประมาณ 3-4 ซม. แล้วตัดขวางชิดกับรอยกรีดด้านบน ใช้มีดเผยอเปลือกตามรอยกรีดด้านบนออกทั้งสองข้าง จากนั้นใช้มีดเฉือนตาจากกิ่งพันธุ์ดีที่เตรียมไว้ให้เท่ากับแผลบนต้นตอ นำแผ่นตาสอดลงไปในแผลบนต้นตอ พันด้วยพลาสติกให้แน่น หลังจากติดตา 7-10 วัน ถ้าแผ่นตายังเป็นสีเขียวแสดงว่าการติดตาได้ผล การขยายพันธุ์ด้วยการติดตานี้ทำให้กุหลาบของเรามีดอกได้หลายสีในต้นเดียวกัน







        การปักชำกิ่ง

              วัสดุปักชำ ได้แก่ ทรายหยาบผสมกับขี้เถ้าแกลบ ในปริมาณเท่าๆ กัน กิ่งที่จะใช้ปักชำควรเป็นกิ่งที่มีดอกเริ่มแย้ม  หรือกิ่งที่ดอกบานไปแล้วไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ตัดให้มีความยาว 5-6 นิ้ว มีใบติด 3-5 ใบ ขึ้นไป ตัดแล้วนำไปจุ่มในน้ำก่อนนำไปปักชำ ช่วงเวลาในการตัดกิ่งควรเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็น วิธีนี้นิยมใช้ขยายพันธุ์กุหลาบหนู



       การเพาะเมล็ด

              จะต้องให้เมล็ดผ่านอุณหภูมิต่ำชั่วระยะเวลาหนึ่งจึงจะงอก โดยธรรมชาติของกุหลาบจะติดเมล็ดในอากาศหนาวหรือเขตอบอุ่น  เมล็ดจึ่งไม่สามารถงอกได้ทันทีที่อุณหภูมิห้องปกติ เมื่อนำเมล็ดกุหลาบไปเพาะในภาชนะที่ใส่วัสดุเพาะ เช่น ขุยมะพร้าวที่ชื้นคลุมด้วยถุงพลาสติกแล้ว จะต้องนำไปเพาะในตู้เย็นประมาณ 3-4 สัปดาห์ จะมีจำนวนเมล็ดงอกประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ แล้วจึงนำออกมาไว้ข้างนอก เมื่อต้นกล้างอกหมด แล้วจึงย้ายลงกระถางหรือถุงชำ


วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

สีกุหลาบสื่อความหมาย

กุหลาบสื่อความหมาย


              วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ และของกำนัลของวันนี้ ดังนั้นเวลาที่คิดจะให้ดอกกุหลาบแก่ใครสักคน เราก็น่าจะรู้ความหมายของสีอันเป็นสื่อความหมายของดอกกุหลาบไว้บ้างก็น่าจะดี ซึ่งก็จะมีความดังนี้

•  สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

•  สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

•  สีขาว สื่อความหมายถึงความมีเสน่ห์ความบริสุทธิ์มิตรภาพและความสงบเงียบและนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

•  สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

•  สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

•  กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

โรคดอกกุหลาบ


โรคของกุหลาบ




          กุหลาบเป็นพืชที่เกิดโรคได้ง่ายมาก หลังจากที่ผมปลูกมาได้ปีกว่า ก็เจอไปไม่น้อยกว่า 4 โรคแล้ว แต่จริงๆแล้วโรคกุหลาบมีมากมายดังที่จะกล่าวต่อไป สำหรับคนที่ปลูกไหมๆ ก็จะดูได้อยากหน่อยว่าต้นกุหลาบของเราเป็นโรคอะไรบ้าง ข้างล่างเป็นโรคกุหลาบที่จะพบเห็นกันบ่อยๆ 


1. โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะอาการเป็นจุดดำกลมบนใบ ส่วนใหญ่จะเป็นกับใบแก่จะทำให้ใบเหลืองและร่วงในเวลาต่อมา บางครั้งถ้าเป็นมากอาจ ลุกลามมาที่กิ่งด้วย ระบาดมากในฤดูฝน ควรป้องกันโดยฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่น ดูปราวิท ไดเทนเอ็ม-45 แคปแทน เบนเสท และเบนโนมิล


2. โรคราแป้ง เกิดจากเชื้อรา โรคนี้จะเป็นกับยอดอ่อนและดอกอ่อนมีลักษณะเป็นปุยขาวคล้ายแป้งทำให้ส่วนของ พืชที่เป็นโรคนี้เกิดอาการหงิกงอไม่เจริญเติบโตต่อไป ระบาดมากในฤดูหนาว ควรป้องกันโดยฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่น เบนเสท ดาโคนิล และคาราแทน


3. โรคหนามดำ เกิดจากเชื้อราโดยเชื้อรานี้จะเข้าทำลายแผลที่เกิดจากรอยตัดหรือเด็ดหนามของ กิ่งอ่อนแล้วลุกลามไปเรื่อยๆ ตามกิ่งก้าน ทำให้กิ่งก้าน เหี่ยวแห้งตายไปในที่สุดควรป้องกันโดยทาแผลจากรอยตัดด้วยปูนแดง


4. โรคใบจุดสีน้ำตาลหรือโรคตากบ เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะอาการเป็นจุดกลมสีน้ำตาลขนาด 1/4 นิ้ว แล้วจะเปลี่ยนเป็นวงกลมสีเทามีขอบสีม่วง-แดง ระบาดมากในฤดูฝน ควรป้องกันโดยใช้สารเคมีเบนเสท ไดเทนหรือแบนแซดดี

5. โรคไวรัส เกิดจากเชื้อไวรัส ลักษณะอาการจะปรากฎให้เห็นที่ใบ โดยใบจะด่างเหลือง เมื่อพบว่าต้นกุหลาบเป็นโรคนี้ให้ถอนและเผาทำลายเสียก่อนที่จะลามไปติดต้น